แนวรับ-แนวต้าน คืออะไร ใช้อย่างไร

รู้จักกับ Demand Zone, Supply Zone และ Order Block ว่าคืออะไร ใช้ยังไง และช่วยหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ

ก่อนจะไปลงลึกเรื่อง Demand & Supply Zone เราลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แนวรับ-แนวต้าน คืออะไร โดยทั่วไป แนวรับ (Support) ก็คือระดับราคาที่มักจะหยุดการปรับตัวลง เพราะมีแรงซื้อเข้ามาพยุง ส่วนแนวต้าน (Resistance) ก็คือระดับที่ราคามักจะหยุดการปรับตัวขึ้น เพราะมีแรงขายเข้ามากดไว้ พูดง่าย ๆ มันคือโซนที่ราคาเคย “หยุด” หรือ “กลับตัว” นั่นเองครับ

แต่ถ้าจะให้เข้าใจลึกขึ้นกว่านั้น เทรดเดอร์สายเทคนิคหลายคนจะไม่ดูแค่เส้นแนวรับ-แนวต้านแบบเดิม ๆ แล้ว แต่จะใช้แนวคิดอย่าง Demand & Supply Zone แทน เพราะมันไม่ใช่แค่เส้นจินตนาการ แต่เป็น “โซนจริง” ที่ราคาเคยมีแรงซื้อหรือขายสะสมอยู่มาก จนกลายเป็นจุดที่มีความหมายต่อการเคลื่อนไหวของกราฟ

ในบทความนี้ ผมจะพาไปรู้จักกับ Demand Zone, Supply Zone และ Order Block ว่าคืออะไร ใช้ยังไง และช่วยหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำได้ยังไงบ้าง พร้อมตัวอย่างจากกราฟจริงให้อ่านเข้าใจง่ายแน่นอนครับ

แนวรับ-แนวต้าน คืออะไร

Demand & Supply คือ แนวรับ-แนวต้าน ชนิดหนึ่งที่เกิดจากโซนที่มีการสะสมแรงซื้อหรือแรงขายอยู่มากในอดีต และเมื่อราคาปัจจุบันกลับไปทดสอบโซนนั้นๆจึงเกิดการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ คือ

  • เมื่อราคาเข้าสู่ Demand Zone ซึ่งเป็นโซนที่มีการสะสมแรงซื้อจะส่งผลให้กราฟมีโอกาสปรับตัวขึ้น
  • เมื่อราคาเข้าสู่ Supply Zone ซึ่งเป็นโซนที่มีการสะสมแรงขายจะส่งผลให้กราฟกราฟมีโอกาสปรับตัวลง

บ้างก็พูดกันว่าดีมานซับพลายโซนคือร่องรอยการซื้อขายที่รายใหญ่ได้ทิ้งเอาไว้ แต่ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าดีมานซับพลายโซนเป็นหนึ่งในความรู้ที่ช่วยในการวิเคราะห์กราฟได้อย่างดีมาก อีกทั้งยังสามารถใช้หาจุดเข้าเทรดที่ได้เปรียบได้อีกด้วย ส่วนจะทำอย่างไรนั้น? เราจะไปดูวิธีการใช้ดีมานและซับพลายผ่านบทความนี้กันเลยครับ


DEMAND ZONE

การที่ราคาเคลื่อนที่ไซด์เวย์ไปมา (กรอบสี่เหลี่ยมในภาพด้านบน) แสดงถึงความลังเลของนักลงทุนในตลาดและการต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย ถ้าหากสุดท้ายแล้วราคาสามารถเบรกทะลุแนวต้านด้านบน (ทะลุกรอบสี่เหลี่ยม) ขึ้นไปได้ แสดงว่าในโซนนั้นๆแรงซื้อชนะ และเราจะเรียกบริเวณโซนไซด์เวย์ (กรอบสี่เหลี่ยม) ที่ถูกเบรกขึ้นไปว่า “ดีมานโซน (Demand Zone)” ทันที

และเมื่อราคาได้วิ่งกลับเข้ามาทดสอบภายในบริเวณ Demand Zone มีโอกาสสูงที่ราคาจะถูกผลักดันให้ปรับตัวขึ้น ซึ่ง Demand Zone นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ดังนี้

ประเภท DEMAND ZONE

1. ประเภท Rally Base Rally (RBR)

ราคาจะมีการปรับตัวขึ้นก่อน (Rally) ตามด้วยการพักตัวสร้างกรอบไซด์เวย์ (Base) แล้วจึงเบรกกรอบปรับตัวขึ้นต่อ (Rally) ซึ่งตำแหน่งที่จะกลายเป็น Demand Zone ก็คือบริเวณกรอบไซด์เวย์

2.ประเภท Drop Base Rally (DBR)

ราคาจะมีการปรับตัวลงก่อน (Drop) ตามด้วยการพักตัวสร้างกรอบไซด์เวย์ (Base) แล้วจึงเบรกกรอบปรับตัวขึ้น (Rally) ซึ่งตำแหน่งที่จะกลายเป็น Demand Zone ก็คือบริเวณกรอบไซด์เวย์


ตัวอย่างการใช้ DEMAND ZONE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทองคำไทม์เฟรม H1 อยู่ในเทรนด์ขาขึ้นและได้พบ Demand Zone ประเภท RBR อยู่ด้านล่างของราคาในขณะนั้น (สังเกตบริเวณกรอบสีเหลี่ยมสีดำในรูปบน) ในเวลาต่อมาเมื่อกราฟลงทดสอบบริเวณ Demand Zone ไม่ว่าจะเป็นขอบโซน กลางโซน หรือปลายโซนก็ตาม เราสามารถเข้าคำสั่ง BUY ตามเทรนด์ขาขึ้นได้ทันทีโดยตั้ง SL ให้อยู่ใต้บริเวณ Demand Zone กรอบสีดำที่ใช้เข้าคำสั่ง

และในภาพล่างก็จะพบว่ากราฟสามารถปรับตัวขึ้นทำ New High ตามเทรนด์ขาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการเข้าด้วย Demand และ Supply Zone ควรจะต้องดูเทรนด์ให้คล่องก่อนเพราะหากเข้าคำสั่งตามเทรนด์ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสชนะให้มากขึ้นนั่นเองครับ


SUPPLY ZONE

การที่ราคาเคลื่อนที่ไซด์เวย์ไปมา (กรอบสี่เหลี่ยมในภาพ) แสดงถึงความลังเลของนักลงทุนในตลาด

และการต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย ถ้าหากสุดท้ายราคาสามารถเบรกทะลุแนวรับด้านล่าง (ทะลุกรอบสี่เหลี่ยม) ลงมาได้แสดงว่าโซนๆนั้นแรงขายชนะ และเราจะเรียกบริเวณโซนไซด์เวย์ (กรอบสี่เหลี่ยม) ที่ถูกเบรกลงมาว่า “ซับพลายโซน (Supply Zone)” ทันที

และเมื่อราคาได้วิ่งกลับเข้ามาทดสอบภายในบริเวณ Supply Zone มีโอกาสสูงที่ราคาจะถูกผลักดันให้ปรับตัวลง ซึ่ง Supply Zone นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ดังนี้

ประเภท SUPPLY ZONE

1.ประเภท Drop Base Drop (DBD)

ราคาจะมีการปรับตัวลงก่อน (Drop) ตามด้วยการพักตัวสร้างกรอบไซด์เวย์ (Base) แล้วจึงเบรกกรอบปรับตัวลงต่อ (Drop) ซึ่งตำแหน่งที่จะกลายเป็น Supply Zone ก็คือบริเวณกรอบไซด์เวย์

2.ประเภท Rally Base Drop (RBD)

ราคาจะมีการปรับตัวขึ้นก่อน (Rally) ตามด้วยการพักตัวสร้างกรอบไซด์เวย์ (Base) แล้วจึงเบรกกรอบปรับตัวลง (Drop) ซึ่งตำแหน่งที่จะกลายเป็น Supply Zone ก็คือบริเวณกรอบไซด์เวย์


ตัวอย่างการใช้ SUPPLY ZONE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทองคำไทม์เฟรม H1 อยู่ในเทรนด์ขาลงและได้พบ Supply Zone ประเภท RBD อยู่ชิดติดกับด้านบนของราคาในขณะนั้น (สังเกตบริเวณสีเหลี่ยมสีม่วงล่างสุดในรูปบน) และในเวลาต่อมาเมื่อกราฟขึ้นไปทดสอบบริเวณ Demand Zone ไม่ว่าจะเป็นขอบโซน กลางโซน หรือปลายโซนก็ตาม เราสามารถเข้าคำสั่ง SELL ตามเทรนด์ขาลงได้ทันทีโดยตั้ง SL ให้อยู่เหนือบริเวณ Supply Zone กรอบสีม่วงที่ใช้เข้าคำสั่ง

และในภาพล่างก็จะพบว่ากราฟสามารถปรับตัวลงทำ New Low ตามเทรนด์ขาลงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องห้ามลืมนะครับว่าการจะเข้าด้วย Demand และ Supply Zone เราจำเป็นต้องดูเทรนด์ให้ออกก่อนเท่านั้น


การสลับขั้วของ DEMAND & SUPPLY ZONE
  1. เมื่อดีมานโซนถูกทำลาย (ราคาเบรกดีมานโซนลงมา) จะถูกเปลี่ยนเป็นซับพลายโซนทันที
  2. เมื่อซับพลายโซนถูกทำลาย (ราคาเบรกซับพลายโซนขึ้นไป) จะถูกเปลี่ยนเป็นดีมานโซนทันที
การสลับขั้วของ DEMAND & SUPPLY ZONE

จากภาพกราฟทองคำในไทม์เฟรม H1 ด้านบนจะเห็นว่า Supply Zone ที่เป็นแนวต้านได้ถูกราคาเบรกทะลุขึ้นไป ทำให้โซนๆนั้นได้ถูกเปลี่ยนเป็น Demand Zone โดยทันที และในเวลาต่อมาเมื่อราคาย้อนกลับลงมาทดสอบก็จะส่งผลให้กราฟมีโอกาสถูกแรงซื้อผลักให้ปรับตัวขึ้นต่อไป


Order Block (OB) คือแนวรับ-แนวต้านชนิดหนึ่งที่เกิดจากโซนที่มีการสะสมแรงซื้อหรือแรงขายอยู่มากในอดีตเช่นเดียวกับ Demand Supply Zone เพียงแต่หน้าตาจะต่างกันเพราะจะใช้ราคาเพียงแท่งๆเดียวตีโซนเท่านั้น ต่างจาก Demand และ Supply Zone ที่ใช้ทั้งโซนไซด์เวย์ในการตี

Order Block คืออะไร

แท่งเทียนก่อนหน้าที่จะมีการเบรกขึ้นไปอย่างรุนแรงจะถูกเรียกว่า Bullish Order Block โดยจะตีคลุมทั้งตัวแท่งเทียนและไส้เทียนให้เกิดเป็นโซนแนวรับขึ้นมา (ดูกรอบสีม่วงในภาพบนประกอบ) และเมื่อราคาย้อนกลับลงมาทดสอบก็จะส่งผลให้มีโอกาสถูกแรงซื้อที่คงค้างอยู่ผลักให้ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับ Demand Zone แน่นอนว่าการตั้ง SL ก็จะตั้งใต้โซนนั้นๆเช่นกัน

Order Block คืออะไร

แท่งเทียนก่อนหน้าที่จะมีการเบรกลงไปอย่างรุนแรงจะถูกเรียกว่า Bearish Order Block โดยจะตีคลุมทั้งตัวแท่งเทียนและไส้เทียนให้เกิดเป็นโซนแนวต้านขึ้นมา (ดูกรอบสีม่วงในภาพบนประกอบ) และเมื่อราคาย้อนกลับขึ้นมาทดสอบก็จะส่งผลให้มีโอกาสถูกแรงขายที่คงค้างอยู่ผลักให้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับ Supply Zone แน่นอนว่าการตั้ง SL ก็จะตั้งเหนือโซนนั้นๆเช่นกัน


Demand & Supply Zone คือแนวรับ-แนวต้านในรูปแบบโซน ที่ช่วยให้เราเห็นจุดที่ราคาเคยมีแรงซื้อหรือแรงขายสะสมอยู่ในอดีต และสามารถใช้เป็นจุดเข้าเทรดที่ได้เปรียบได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการดูเทรนด์หลักของตลาด

ส่วน Order Block ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในกลุ่มเดียวกัน ที่ช่วยเน้นจุด breakout สำคัญจากแท่งเทียนก่อนหน้า ซึ่งสามารถใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มความแม่นยำได้อีกระดับ

สิ่งสำคัญคือไม่ใช่แค่จำชื่อหรือรูปแบบ แต่ต้องฝึกดูกราฟจริงบ่อย ๆ เพื่อเข้าใจพฤติกรรมราคา แล้วเทรดด้วยความมั่นใจมากขึ้นครับ

🎥 อยากเข้าใจ Demand & Supply Zone และ Order Block ให้ลึกขึ้น พร้อมเห็นภาพจริงจากกราฟ?

📌 แนะนำให้ดูคลิปนี้เลยครับ: “หาจุดเข้าทำกำไรด้วย Demand & Supply Zone และ Order Block” ในคลิปนี้เราจะพาไปดูวิธีใช้งานจริงแบบ Step-by-step พร้อมตัวอย่างการวางโซน จุดเข้า จุดออก และการตั้ง SL อย่างแม่นยำ เหมาะกับทั้งมือใหม่และคนที่อยากอัปเกรดการเทรดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

👉 คลิกดูคลิปเลย

อยากลืมเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ ดู รีวิวโบรกเกอร์ Forex ก่อนตัดสินใจได้เลยคร๊าบบบบ

📌 ถ้าคุณชอบการใช้ Demand & Supply Zone ในการหาจุดเข้าเทรด อย่าพลาดบทความถัดไปครับ
👉 หาจุดเข้าเทรดคม ๆ ด้วย FVG
อีกหนึ่งแนวคิดที่เทรดเดอร์สายโปรใช้กันบ่อย เพราะมันช่วยให้เราเห็น “ช่องว่างของราคา” ที่มักเป็นจุดกลับตัว หรือจุดสะสมออเดอร์ที่ตลาดยังมาเคลียร์ไม่หมด อ่านแล้วคุณจะเข้าใจว่า FVG ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แต่กลับให้มุมมองใหม่ ๆ ที่แม่นยำและใช้งานได้จริงในการเทรดครับ

แนะนำโบรกเกอร์
Founded Year 2008, leverage 1:2000, Platforms MT4/MT5, Website 14 languages
XM
Founded Year 2009, leverage 1:1000, Platforms MT4/MT5, Website 28 languages