บช.ก.ทลายแก๊ง “ทุนจีน” หลอกเทรดหุ้นทองคำ-น้ำมัน AVATRADE
Quote from admin on 2024-04-27, 00:10เดือน ก.ค. ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. มีกลุ่มคนร้ายสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา นำภาพของบุคคลที่มีฐานะดีและน่าเชื่อถือ ทักแชตมาพูดคุยกับผู้เสียหายสร้างความสนิทสนมและขอไอดีไลน์ของผู้เสียหายเพื่อแชตพูดคุยต่อระยะหนึ่ง ผู้เสียหายเริ่มไว้วางใจ
คนร้ายชักชวนลงทุนเทรดหุ้นทองคำและหุ้นน้ำมัน ผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “AVATRADE” จากการตรวจสอบพบว่าเป็นแอปพลิเคชันที่ปลอมขึ้นมาเพื่อเลียนแบบแอปพลิเคชันที่มีอยู่จริง ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปลงทุน ช่วงแรกได้ผลตอบแทนจริงตามคำกล่าวอ้าง เบิกถอนเงินได้ปกติ ผู้เสียหายเริ่มลงทุนจำนวนมากขึ้นและต้องการถอนเงินแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ คนร้ายอ้างว่ายอดเงินผู้เสียหายมีจำนวนมาก ต้องชำระภาษีก่อนถึงจะถอนเงินได้
ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอก ตรวจสอบเพิ่มเติมจากระบบ รับแจ้งความออนไลน์ พบมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน AVATRADE ทั้งหมด 23 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งให้ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. สืบสวนเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.อธิป สั่งให้ พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ปรก.บก.ปอท. พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. และ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. สืบสวนเส้นทางการเงินพบว่า กลุ่มคนร้ายใช้บัญชี “ธนาคารม้า” ในการรับโอนเงินของผู้เสียหาย และมีการยักย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปยังบัญชีธนาคารบัญชีม้าอื่นๆอีกหลายทอด
ทำการแปลงสภาพเงินได้จากการหลอกลวงให้กลายเป็นเงินดิจิทัลสกุล USDT ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล เงินดิจิทัลจะถูกโอนต่อไปอีกหลายทอดกลุ่มที่เกี่ยวข้อง
สืบสวนพบว่า เป็นขบวนการที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ สปป.ลาว แยกหน้าที่กันทำชัดเจน กก.2 บก.ปอท. รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา 18 ราย แยกเป็นกลุ่มบัญชีม้า คนไทย 8 ราย กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงิน 5 ราย คนไทย 2 ราย มาเลเซีย 1 ราย และจีน 2 ราย กลุ่มผู้สั่งการหรือนายทุนคนจีน 5 ราย
ชุดจับกุม พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ พ.ต.ต.ชัยเวง พาด้วง พ.ต.ต.จักรพงษ์ รุ่งจำกัด ว่าที่ พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์ ว่าที่ พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.กก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์ ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว. (สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมกำลัง กก.2 บก.ปอท. ร่วมด้วย บก.ป. บก.ทล. บก.ปคบ. บก.รน. ตรวจค้นผู้ร่วมขบวนการ 10 จุด
พื้นที่กรุงเทพฯ 2 จุด ภูเก็ต 6 จุด เชียงราย 1 จุด และหนองบัวลำภู 1 จุด จับผู้ต้องหา 7 ราย นายภัทรกษิณ อายุ 22 ปี นายปรัชญา อายุ 23 ปี นายภาณุวัฒน์ อายุ 30 ปี นายวินัย อายุ 53 ปี นายเจนณรงค์ อายุ 31 ปี น.ส.จิราพัชร อายุ 20 ปี นายธงชัย อายุ 28 ปี แยกเป็นกลุ่มบัญชีม้า 5 ราย กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงิน 2 ราย
ตรวจยึดทรัพย์สินอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (PC) 10 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 53 เครื่อง ผูกแอปพลิเคชันธนาคารพร้อมใช้งาน 42 เครื่อง เครื่องใหม่ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 1,113 เล่ม บัตรกดเงินสด (ATM) 1,065 ใบ และกล่องโทรศัพท์เปล่า 77 กล่อง และยึดทรัพย์สินมีค่าอีกหลายรายการ
ผู้ต้องหาชาวจีนและมาเลเซียที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ 9 ราย บก.ปอท. ประสานการจับกุม นายหั่วหรง นายเชิงเว่ย นายจื้อเฉียง นายตี๋ นายเผยหลิง สัญชาติจีน กลุ่มผู้สั่งการหรือนายทุน นายเซียนลี้ นายเฟยเฟย นายจื้อเห่า สัญชาติจีน นายเตี๊ยะ สัญชาติมาเลเซีย เป็นกลุ่มจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงิน
การสืบสวนขยายผลพบว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.2565 ถึงปัจจุบันกลุ่มคนร้ายมีการรับเงินดิจิทัลสกุล USDT ประมาณ 230 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทย 8,000 ล้านบาท และมียอดเงินหมุนเวียน 16,000 ล้านบาท น่าเชื่อได้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ผู้ต้องหาแต่ละรายให้การภาคเสธ
นายปรัชญาสารภาพว่า ร่วมกับนายภัทรกษิณจัดหาบัญชีธนาคาร และบัญชีเทรดคริปโตม้า นายภัทรกษิณ ได้รับจ้างนายทุนชาวมาเลเซียและนายเตี๊ยะ ชาวมาเลเซีย ให้จัดหาบัญชีธนาคารและบัญชีเทรดคริปโตม้า
นายภัทรกษิณเป็นผู้สั่งให้นายปรัชญาจัดหาคนเปิดบัญชีธนาคารม้า เปิดบัญชีเทรดคริปโตม้า ผูกแอปพลิเคชันธนาคารและแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลไว้ในโทรศัพท์มือถือ ในลักษณะพร้อมใช้งาน จะส่งโทรศัพท์มือถือไปยัง ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ส่งต่อไปยังฐานปฏิบัติการของกลุ่มคนร้ายในประเทศ สปป.ลาว
นายทุนชาวมาเลเซีย จ่ายค่าจ้างคิดเป็นเงิน 10,000 บาท ต่อบัญชีม้าหนึ่งบัญชี
สืบสวนพบว่า นายภัทรกษิณให้ลูกน้องจดทะเบียนบริษัท และเช่าบ้านย่านเขตบางชัน เป็นออฟฟิศใช้ในการ “ฟอกเงิน” ที่ได้จากการจัดหาบัญชีม้าให้กับกลุ่มนายทุนชาวมาเลเซียและเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม ตั้งแต่เดือน ก.ค.2564 จนถึงเดือน ส.ค.2566 มีรายได้จากการจัดหาบัญชีม้าให้กับกลุ่มนายทุน มากกว่า 28 ล้านบาท
นายภัทรกษิณเคยสั่งให้นายปรัชญาส่งโทรศัพท์ มือถือ บัญชีม้าไปยังสถานที่ต่างๆ จำนวนมาก ต่างประเทศ ประเทศไต้หวัน ฟิลิปปินส์ กัมพูชา มาเลเซีย และประเทศไทย จ.เชียงราย จ.ตาก จ.สุรินทร์ จ.สระแก้ว และ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่จังหวัด ตามแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ลักลอบลำเลียง “บัญชีม้า” ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มการ “พนันออนไลน์” ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ใช้ในการกระทำความผิดของกลุ่มเครือข่าย ผู้ต้องหา
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “การจับกุมในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการจับกุมบัญชีม้าเยอะที่สุดได้มากกว่า 1,113 บัญชี ซึ่งเป็นการหามาจากคนซื้อขายบัญชี เตรียมส่งขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 16,000 ล้านบาท สำหรับแผนประทุษกรรมของขบวนการนี้จะมาในลักษณะโรแมนซ์สแกมพ่วงไฮบริดสแกม ด้วยการหลอกให้รัก ใช้ความเชื่อใจก่อนลวงให้ลงทุนจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มที่ทำปลอมขึ้นมาแบบเสมือนจริง ดังนั้นอยากให้ประชาชนโปรดใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนการลงทุนทุกครั้ง อย่ารีบตัดสินใจลงทุนหรือหลงเชื่อบุคคลอื่นที่ชักชวนโดยง่าย”
นับว่าเป็นปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องของ ตำรวจสอบสวนกลาง CIB ภายใต้การนำทีมของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กวาดล้างจับกุมขบวนการหลอกลวงร่วมลงทุน “เทรดหุ้นทองคำ-น้ำมัน”
ขอบคุณข่าวจาก : https://www.thairath.co.th/news/local/2762171
เดือน ก.ค. ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. มีกลุ่มคนร้ายสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา นำภาพของบุคคลที่มีฐานะดีและน่าเชื่อถือ ทักแชตมาพูดคุยกับผู้เสียหายสร้างความสนิทสนมและขอไอดีไลน์ของผู้เสียหายเพื่อแชตพูดคุยต่อระยะหนึ่ง ผู้เสียหายเริ่มไว้วางใจ
คนร้ายชักชวนลงทุนเทรดหุ้นทองคำและหุ้นน้ำมัน ผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “AVATRADE” จากการตรวจสอบพบว่าเป็นแอปพลิเคชันที่ปลอมขึ้นมาเพื่อเลียนแบบแอปพลิเคชันที่มีอยู่จริง ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปลงทุน ช่วงแรกได้ผลตอบแทนจริงตามคำกล่าวอ้าง เบิกถอนเงินได้ปกติ ผู้เสียหายเริ่มลงทุนจำนวนมากขึ้นและต้องการถอนเงินแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ คนร้ายอ้างว่ายอดเงินผู้เสียหายมีจำนวนมาก ต้องชำระภาษีก่อนถึงจะถอนเงินได้
ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอก ตรวจสอบเพิ่มเติมจากระบบ รับแจ้งความออนไลน์ พบมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน AVATRADE ทั้งหมด 23 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งให้ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. สืบสวนเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.อธิป สั่งให้ พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ปรก.บก.ปอท. พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. และ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. สืบสวนเส้นทางการเงินพบว่า กลุ่มคนร้ายใช้บัญชี “ธนาคารม้า” ในการรับโอนเงินของผู้เสียหาย และมีการยักย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปยังบัญชีธนาคารบัญชีม้าอื่นๆอีกหลายทอด
ทำการแปลงสภาพเงินได้จากการหลอกลวงให้กลายเป็นเงินดิจิทัลสกุล USDT ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล เงินดิจิทัลจะถูกโอนต่อไปอีกหลายทอดกลุ่มที่เกี่ยวข้อง
สืบสวนพบว่า เป็นขบวนการที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ สปป.ลาว แยกหน้าที่กันทำชัดเจน กก.2 บก.ปอท. รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา 18 ราย แยกเป็นกลุ่มบัญชีม้า คนไทย 8 ราย กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงิน 5 ราย คนไทย 2 ราย มาเลเซีย 1 ราย และจีน 2 ราย กลุ่มผู้สั่งการหรือนายทุนคนจีน 5 ราย
ชุดจับกุม พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ พ.ต.ต.ชัยเวง พาด้วง พ.ต.ต.จักรพงษ์ รุ่งจำกัด ว่าที่ พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์ ว่าที่ พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.กก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์ ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว. (สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมกำลัง กก.2 บก.ปอท. ร่วมด้วย บก.ป. บก.ทล. บก.ปคบ. บก.รน. ตรวจค้นผู้ร่วมขบวนการ 10 จุด
พื้นที่กรุงเทพฯ 2 จุด ภูเก็ต 6 จุด เชียงราย 1 จุด และหนองบัวลำภู 1 จุด จับผู้ต้องหา 7 ราย นายภัทรกษิณ อายุ 22 ปี นายปรัชญา อายุ 23 ปี นายภาณุวัฒน์ อายุ 30 ปี นายวินัย อายุ 53 ปี นายเจนณรงค์ อายุ 31 ปี น.ส.จิราพัชร อายุ 20 ปี นายธงชัย อายุ 28 ปี แยกเป็นกลุ่มบัญชีม้า 5 ราย กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงิน 2 ราย
ตรวจยึดทรัพย์สินอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (PC) 10 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 53 เครื่อง ผูกแอปพลิเคชันธนาคารพร้อมใช้งาน 42 เครื่อง เครื่องใหม่ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 1,113 เล่ม บัตรกดเงินสด (ATM) 1,065 ใบ และกล่องโทรศัพท์เปล่า 77 กล่อง และยึดทรัพย์สินมีค่าอีกหลายรายการ
ผู้ต้องหาชาวจีนและมาเลเซียที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ 9 ราย บก.ปอท. ประสานการจับกุม นายหั่วหรง นายเชิงเว่ย นายจื้อเฉียง นายตี๋ นายเผยหลิง สัญชาติจีน กลุ่มผู้สั่งการหรือนายทุน นายเซียนลี้ นายเฟยเฟย นายจื้อเห่า สัญชาติจีน นายเตี๊ยะ สัญชาติมาเลเซีย เป็นกลุ่มจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงิน
การสืบสวนขยายผลพบว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.2565 ถึงปัจจุบันกลุ่มคนร้ายมีการรับเงินดิจิทัลสกุล USDT ประมาณ 230 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทย 8,000 ล้านบาท และมียอดเงินหมุนเวียน 16,000 ล้านบาท น่าเชื่อได้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ผู้ต้องหาแต่ละรายให้การภาคเสธ
นายปรัชญาสารภาพว่า ร่วมกับนายภัทรกษิณจัดหาบัญชีธนาคาร และบัญชีเทรดคริปโตม้า นายภัทรกษิณ ได้รับจ้างนายทุนชาวมาเลเซียและนายเตี๊ยะ ชาวมาเลเซีย ให้จัดหาบัญชีธนาคารและบัญชีเทรดคริปโตม้า
นายภัทรกษิณเป็นผู้สั่งให้นายปรัชญาจัดหาคนเปิดบัญชีธนาคารม้า เปิดบัญชีเทรดคริปโตม้า ผูกแอปพลิเคชันธนาคารและแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลไว้ในโทรศัพท์มือถือ ในลักษณะพร้อมใช้งาน จะส่งโทรศัพท์มือถือไปยัง ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ส่งต่อไปยังฐานปฏิบัติการของกลุ่มคนร้ายในประเทศ สปป.ลาว
นายทุนชาวมาเลเซีย จ่ายค่าจ้างคิดเป็นเงิน 10,000 บาท ต่อบัญชีม้าหนึ่งบัญชี
สืบสวนพบว่า นายภัทรกษิณให้ลูกน้องจดทะเบียนบริษัท และเช่าบ้านย่านเขตบางชัน เป็นออฟฟิศใช้ในการ “ฟอกเงิน” ที่ได้จากการจัดหาบัญชีม้าให้กับกลุ่มนายทุนชาวมาเลเซียและเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม ตั้งแต่เดือน ก.ค.2564 จนถึงเดือน ส.ค.2566 มีรายได้จากการจัดหาบัญชีม้าให้กับกลุ่มนายทุน มากกว่า 28 ล้านบาท
นายภัทรกษิณเคยสั่งให้นายปรัชญาส่งโทรศัพท์ มือถือ บัญชีม้าไปยังสถานที่ต่างๆ จำนวนมาก ต่างประเทศ ประเทศไต้หวัน ฟิลิปปินส์ กัมพูชา มาเลเซีย และประเทศไทย จ.เชียงราย จ.ตาก จ.สุรินทร์ จ.สระแก้ว และ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่จังหวัด ตามแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ลักลอบลำเลียง “บัญชีม้า” ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มการ “พนันออนไลน์” ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ใช้ในการกระทำความผิดของกลุ่มเครือข่าย ผู้ต้องหา
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “การจับกุมในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการจับกุมบัญชีม้าเยอะที่สุดได้มากกว่า 1,113 บัญชี ซึ่งเป็นการหามาจากคนซื้อขายบัญชี เตรียมส่งขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 16,000 ล้านบาท สำหรับแผนประทุษกรรมของขบวนการนี้จะมาในลักษณะโรแมนซ์สแกมพ่วงไฮบริดสแกม ด้วยการหลอกให้รัก ใช้ความเชื่อใจก่อนลวงให้ลงทุนจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มที่ทำปลอมขึ้นมาแบบเสมือนจริง ดังนั้นอยากให้ประชาชนโปรดใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนการลงทุนทุกครั้ง อย่ารีบตัดสินใจลงทุนหรือหลงเชื่อบุคคลอื่นที่ชักชวนโดยง่าย”
นับว่าเป็นปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องของ ตำรวจสอบสวนกลาง CIB ภายใต้การนำทีมของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กวาดล้างจับกุมขบวนการหลอกลวงร่วมลงทุน “เทรดหุ้นทองคำ-น้ำมัน”
ขอบคุณข่าวจาก : https://www.thairath.co.th/news/local/2762171