5 อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค และ วิธีใช้

5 อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค และ วิธีใช้

หากคุณไม่ได้กำลังเทรดหุ้นอยู่ในตอนนี้ คุณอาจกำลังพลาดโอกาสนับไม่ถ้วน มีบริษัทเทคฯ ที่ประกาศใช้ AI ปรับตัวขึ้นมา 350% ในเวลาไม่ถึงปี และ มีหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่เติบโตเป็นสองเท่าหรือสามเท่าในเวลาไม่ถึงเดือน โอกาสมีไว้สำหรับเทรดเดอร์ที่ลงทุนได้ทันเวลาเข้า และ ออกจากตลาดได้ทันทีในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ

จังหวะเวลาเป็นสิ่งสำคัญ แต่เทรดเดอร์ที่ติดตามข่าวสารมักจะขึ้นขบวนรถไฟทำเงินในขาขึ้นสายเกินไป นี่เป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์มากประสบการณ์ส่วนใหญ่หันมาใช้อินดิเคเตอร์และการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการคาดการณ์ราคาขึ้นลง และ มีอินดิเคเตอร์ 5 ตัวที่เทรดเดอร์มือโปรทุกคนรู้จักดีในการเทรดหุ้น

เรามาสำรวจอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคยอดนิยมที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้ และ ดูว่ามีโอกาสอะไรกำลังรอคุณอยู่บนกราฟตอนนี้

อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค

การเริ่มต้นใช้งาน

วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้อะไรบางอย่างคือการลงมือทำ และ เทอร์มินัลการเทรดของ Exness ก็เป็นวิธีที่เหมาะสมและสะดวกในการฝึกใช้อินดิเคเตอร์กับกราฟ เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบ คุณจะพล็อตกราฟราคาและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้แบบเทรดเดอร์มืออาชีพ

เปิดกราฟเทรดของหนึ่งในหุ้นที่เทรดกันมากที่สุด โดยเพียงลงทะเบียนบัญชีซื้อขาย Exness ที่ไม่มีข้อผูกมัด ไม่จำเป็นต้องฝากเงินเข้าบัญชีจนกว่าคุณจะพร้อมเริ่มเทรดในตลาดจริง ที่สำคัญใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เมื่ออีเมลของคุณได้รับการยืนยันแล้ว คุณจะสามารถเปิดเทอร์มินัลการเทรดโดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งใดๆ เพียงคลิกปุ่ม “เทรด” จากพื้นที่ส่วนบุคคลของคุณและเลือก Exness Terminal

เมื่อเปิดเทอร์มินัลการเทรดแล้ว ให้แตะสัญลักษณ์ + ใกล้กับด้านบนเพื่อเพิ่มแถบใหม่ แล้วเลือกหุ้นจากรายการตัวเลือก นี่คือจุดเริ่มต้นของความสนุก ได้เวลาเริ่มเส้นทางการวิเคราะห์ทางเทคนิคบนกราฟแบบเรียลไทม์และดูว่าหุ้นจะเป็นอย่างไรในสัปดาห์นี้

อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค 5 อันดับแรกสำหรับการเทรดราคา

การวางอินดิเคเตอร์บน Exness Terminal เป็นเรื่องง่าย เพียงเลือก “อินดิเคเตอร์” บนแถบเครื่องมือของกราฟที่ด้านบน แล้วค้นหาอินดิเคเตอร์ที่ต้องการ 5 อันดับอินดิเคเตอร์ยอดนิยมที่คุณจะได้เรียนรู้มีดังนี้

1 . ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA)

อินดิเคเตอร์เส้นค่าเฉลี่ยจะสร้างเส้นใหม่บนกราฟที่แสดงราคาเฉลี่ย หากคุณมองย้อนกลับไปสองสามวันหรือสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณจะเห็นจุดตัดทุกครั้งที่แนวโน้มราคามีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง จุดตัดเหล่านั้นเกิดขึ้นก่อนจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม เมื่อเกิดจุดตัดในครั้งต่อไป อาจเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเทรด ซึ่งอาจกำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้

เคล็ดลับ: เมื่อวาง MA บนกราฟหุ้น ช่วงเวลาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 9 (ค่าเฉลี่ย 9 วัน) ให้เพิ่ม MA สองเส้น จากนั้นแตะสองครั้งที่เส้นค่าเฉลี่ยแต่ละเส้น แล้วเปลี่ยน “ระยะเวลา” ของเส้นหนึ่งเป็น 50 และอีกเส้นหนึ่งเป็น 200 หากคุณเห็นจุดตัดที่เป็นไปได้ หุ้นตัวนั้นก็อาจกำลังจะได้รับความสนใจ

2 . Bollinger Bands

ค้นหาแถบเครื่องมืออินดิเคเตอร์แล้ววาง Bollinger บนกราฟ Bollinger Bands ประกอบด้วยแถบกลาง และแถบด้านนอกสองแถบ ให้ตรวจดูบนกราฟว่าราคาแตะแถบด้านนอกด้านใดด้านหนึ่งอยู่หรือไม่ การแตะที่แถบด้านล่างบ่งบอกถึงแนวโน้มที่อ่อนตัวลงหรือแม้แต่ราคาที่กำลังจะเพิ่มขึ้น ส่วนการแตะที่แถบด้านบนแสดงถึงการกลับตัวของราคาเป็นขาลง Bollinger Bands เป็นไปในทิศทางเดียวกับ Moving Averages หรือไม่

3 . ดัชนี RSI (Relative Strength Index)

อินดิเคเตอร์ RSI ใช้วัดโมเมนตัมหรือกำลังของแนวโน้มปัจจุบัน หากไม่มีโมเมนตัม การเปลี่ยนแปลงของทิศทางใดก็ตามจะมีระยะเวลาสั้น และไม่ควรค่าแก่การสนใจ RSI เหนือ 70 แสดงถึงภาวะการซื้อมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนการเคลื่อนไหวขาลง ขณะที่ RSI ต่ำกว่า 30 แสดงถึงภาวะการขายมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนการปรับตัวขึ้น

4 . Fibonacci Retracement

Fibonacci Retracement มีความแตกต่างจากอินดิเคเตอร์อื่นๆ คุณจะเห็นอินดิเคเตอร์ตัวนี้ที่แถบเครื่องมือแนวตั้งทางด้านซ้าย ไอคอนนี้มีเส้นแนวนอน 4 เส้น เริ่มวาด Fibonacci Retracement ที่ราคาสูงสุดหรือราคาต่ำสุดก่อนหน้า กดค้างไว้แล้วลากไปยังจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดปัจจุบัน ระดับสีต่างๆ จะแสดงขึ้นบนกราฟ แต่ละระดับคือจุดแนวต้านที่เป็นไปได้ ซึ่งอาจเกิดการสูญเสียโมเมนตัมและกลับตัวของการเคลื่อนไหวราคาในปัจจุบัน

ระดับแรกที่ควรจับตามองคือ 61.8% (0.618) ซึ่งเรียกว่าเป็น “อัตราส่วนทองคำ” หรือ “ค่าเฉลี่ยทองคำ” เทรดเดอร์สายเทคนิคเทรดจากสมมติฐานว่าหากการย้อนกลับหรือการปรับตัวลงของราคาถึงระดับนี้ ก็มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าแนวโน้มจะกลับไปยังทิศทางเดิมต่อ

5 . Parabolic SAR

Parabolic SAR เป็นอินดิเคเตอร์ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนและอ่านค่าได้ง่ายมาก เมื่อจุด Parabolic SAR ปรากฏขึ้นต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อจุด Parabolic SAR ปรากฏขึ้นสูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน แสดงว่าแนวโน้มขาลงกำลังจะเกิดขึ้น

บทสรุป

เมื่อคุณมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้อยู่ในมือ คุณก็พร้อมที่จะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรดหุ้นอย่างมืออาชีพได้แล้ว นอกเหนือจากคุณสมบัติทางคณิตศาสตร์ของอินดิเคเตอร์ยอดนิยมเหล่านี้แล้ว ยังมีปรากฏการณ์ความคาดหวังสร้างความจริง (ความเชื่อที่สร้างความจริง หรือ Self-fulfilling Prophecy) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากอินดิเคเตอร์ข้างต้นคาดการณ์ขาขึ้น เทรดเดอร์จำนวนมากก็จะเริ่มซื้อหุ้น และปริมาณการซื้อขายในเชิงบวกดังกล่าวก็จะทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้นและส่งผลให้ราคาเพิ่มขึ้นตามมา ผู้ที่ค้นพบสัญญาณได้เร็วจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการคาดการณ์ที่แม่นยำ ดังนั้น ขอแนะนำให้ตรวจดูกราฟราคาบ่อยๆ

อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญของเทรดเดอร์หุ้นก็คือการพิจารณาจุดสูงสุด และจุดต่ำสุดในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา และเปรียบเทียบกับจุดสูงสุด และจุดต่ำสุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การซื้อที่ “จุดต่ำสุดของระยะสั้นและระยะยาว” แล้วขายที่ “จุดสูงสุดของระยะสั้น และระยะยาว” จะทำให้ได้กำไรสูงสุด แต่หากจุดสูงสุดล่าสุดยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำในภาพรวม ก็อาจพบกับความผันผวนที่สูง และความไม่แน่นอนของตลาด

ราคาหุ้นอาจเคลื่อนไหวไปได้ไกลในเวลาอันรวดเร็ว การฝากเงินเข้าบัญชีล่วงหน้า และรอเวลาที่เหมาะสมอาจช่วยให้คุณตอบสนองต่อตลาดได้เร็วขึ้น และส่งผลให้ทำกำไรได้มากขึ้น แต่โปรดเทรดเฉพาะเมื่อสัญญาณส่วนใหญ่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน จนกว่าจะถึงเวลานั้น เงินของคุณจะปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้ทันทีที่ Exness

ประการสุดท้าย การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่การวิ่งเร็ว แต่เปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ความสำเร็จในระยะยาวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการตัดสินใจที่ละเอียดถี่ถ้วน และ การจัดการเงินอย่างชาญฉลาด หลีกเลี่ยงการใช้ อิควิตี้ด้วยอารมณ์ อย่าเทรดตามสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว และ ตั้ง Stop Loss และ Take Profit ทุกครั้งที่เทรด

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :

แนวรับ แนวต้าน คืออะไร (Support-Resistance)