Divergence คืออะไร ใช้ได้จริงไหม สอนใช้ใน Tradingview

Divergence คืออะไร? ความขัดแย้งระหว่างราคาและอินดิเคเตอร์ RSI พร้อมแจกเทคนิคดู Divergence แบบ Classic และ Hidden เข้าใจง่าย ใช้ได้จริงบน TradingView

Divergence คืออะไร? ใช้ได้จริงไหม? หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือช่วยยืนยันสัญญาณกลับตัวหรือพักตัวของกราฟราคา “Divergence” คืออีกหนึ่งเทคนิคที่นักเทรดสายเทคนิคอลนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ RSI เพื่อหาความ “ขัดแย้ง” ระหว่างทิศทางราคาและโมเมนตัม

บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า Divergence คืออะไร แบ่งออกเป็นกี่ประเภท พร้อมตัวอย่างกราฟจริงและคำแนะนำในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเทคนิคการใช้ร่วมกับ TradingView เพื่อดู Divergence แบบอัตโนมัติ เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และนักเทรดที่ต้องการยกระดับการวิเคราะห์ของตนเองครับ

Divergence คืออะไร ใช้ได้จริงไหม

Divergence คือการขัดแย้งกันระหว่างราคาและอินดิเคเตอร์ หรือก็คือราคาเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่งแต่อินดิเคเตอร์ (ในที่นี้คือ RSI) กลับเคลื่อนที่ไปอีกทิศทางหนึ่ง เมื่อเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้นมาจะหมายถึงกราฟมีโอกาสที่จะ“พักหรือกลับตัว”

ต้องเน้นย้ำคำว่า “พักหรือกลับตัว” เพราะมีโอกาสเกิดได้ทั้งสองอย่างไม่ใช่ว่า Divergence จะทำให้กราฟกลับตัวเสมอไป บ่อยครั้งที่ทำได้เพียงแค่ให้กราฟพักตัวเล็กน้อยก่อนจะไปต่อตามเทรนด์

Divergence คืออะไร ใช้ได้จริงไหม สอนใช้ใน Tradingview

สัญญาณ Divergence แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ Classic Divergence และ Hidden Divergence

ก็ถูกแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภทย่อย ดังนี้

เมื่อพบสัญญาณนี้จะส่งผลให้กราฟมีโอกาสพักหรือกลับตัวขึ้น

  • ราคาทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลง
  • แต่ RSI ทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น
HIDDEN DIVERGENCE แบบพัก/กลับตัวลง

เมื่อพบสัญญาณนี้จะส่งผลให้กราฟมีโอกาสพักหรือกลับตัวลง

  • ราคาทำจุดสูงสุดที่สูงขึ้น
  • แต่ RSI ทำจุดสูงสุดที่ต่ำลง
HIDDEN DIVERGENCE แบบพัก/กลับตัวลง

ก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ดังนี้

เมื่อพบสัญญาณนี้จะส่งผลให้กราฟมีโอกาสพักหรือกลับตัวขึ้น

  • ราคาทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น
  • แต่ RSI ทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลง
HIDDEN DIVERGENCE แบบพัก/กลับตัวขึ้น

เมื่อพบสัญญาณนี้จะส่งผลให้กราฟมีโอกาสพักหรือกลับตัวขึ้น

  • ราคาทำจุดสูงสุดที่ต่ำลง
  • แต่ RSI ทำจุดสูงสุดที่สูงขึ้น
HIDDEN DIVERGENCE แบบพัก/กลับตัวลง

เมื่อทราบประเภทแล้วในหน้าถัดไปเราจะไปดูตัวอย่างกราฟจริงของสัญญาณ Divergence กันครับ ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่เข้าใจความหมายของสัญญาณนี้ผิดคิดว่าเมื่อเกิด Divergence แล้วกราฟจะต้องกลับตัว ทั้งที่จริงแล้วอาจแค่พักตัวก็ได้เช่นกัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆของกราฟในขณะนั้นๆ) ดังนั้นเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนและเข้าใจกันมากขึ้นผมจะพาไปไล่ดูตัวอย่างสัญญาณ Divergence ในแต่ละประเภทกันเลยครับ


ตัวอย่าง DIVERGENCE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทำ Low หรือจุดต่ำสุดที่ต่ำลงแต่ RSI กลับทำ Low หรือจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นจึงถือว่าได้เกิดสัญญาณ Classic Divergence แบบพัก/กลับตัวขึ้น ขึ้นมา (ซึ่งขณะที่เกิดนั้นกราฟมีเทรนด์ปัจจุบันเป็นขาลง) และต่อมาเราจะทราบภายหลังว่าเป็น Classic Divergence แบบกลับตัวขึ้นเนื่องจาก Classic Divergence ชุดนั้นสามารถส่งให้กราฟเข้าเงื่อนไขของเทรนด์ขาขึ้นได้ (High ยก Low ยก)

คำถาม : จะรู้ได้อย่างไรว่าสัญญาณ Divergence ชุดนั้นจะทำให้กราฟแค่พัก หรือกลับตัว ?

ในความเป็นจริงแล้วหน้างานเราจะไม่มีทางรู้ได้เลยครับว่าสัญญาณนั้นๆจะทำให้กราฟแค่พักหรือกลับตัว ทำได้เพียงแค่คาดการณ์จากการวิเคราะห์กราฟหลายๆไทม์เฟรมเท่านั้น ตัวอย่างเช่นจากกราฟด้านบนเป็นกราฟในไทม์เฟรม H1 ซึ่งในตำแหน่งที่เกิดสัญญาณ Classic Divergence นั้นได้อยู่ในเทรนด์ขาลง แต่พอไปเปิดดูในไทม์เฟรม H4 พบว่ามีเทรนด์เป็นขาขึ้น ในกรณีแบบนี้จะสามารถคาดการณ์ได้ว่าการเกิดสัญญาณ Classic Divergence ในครั้งนั้นมีโอกาสสูงที่จะเป็นแบบกลับตัวขึ้นเพื่อปรับขึ้นไปตามไทม์เฟรม H4 นั่นเองครับ

ตัวอย่าง DIVERGENCE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทำ Low หรือจุดต่ำสุดที่ต่ำลงแต่ RSI กลับทำ Low หรือจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นจึงถือว่าได้เกิดสัญญาณ Classic Divergence แบบพัก/กลับตัวขึ้น ขึ้นมา (ซึ่งขณะที่เกิดนั้นกราฟมีเทรนด์ปัจจุบันเป็นขาลง) และต่อมาเราจะทราบภายหลังว่าเป็น Classic Divergence แบบพักตัวขึ้นเนื่องจาก Classic Divergence ชุดนั้นทำหน้าที่แค่ส่งให้กราฟปรับขึ้นไปบริเวณแนวต้านจาก Supply Zone H1 ก่อนจะถูกแรงขายผลักกลับลงมาทำ Low ใหม่ตามกฎของเทรนด์ขาลงซึ่งเป็นเทรนด์หลักของกราฟในขณะนั้น

ตัวอย่าง DIVERGENCE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทำ High หรือจุดสูงสุดที่สูงขึ้นแต่ RSI กลับทำ High หรือจุดสูงสุดที่ต่ำลงจึงถือว่าได้เกิดสัญญาณ Classic Divergence แบบพัก/กลับตัวลง ขึ้นมา (ซึ่งขณะที่เกิดนั้นกราฟมีเทรนด์ปัจจุบันเป็นขาขึ้น) แต่ตัวอย่างนี้จะพิเศษตรงที่จะพบ Classic Divergence เกิดใกล้กันสองชุดในกรณีแบบนี้จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่กราฟจะสามารถพักหรือกลับตัวลงได้ และต่อมาจะทราบภายหลังว่าเป็น Classic Divergence แบบกลับตัวลงเนื่องจาก Classic Divergence ชุดนั้นสามารถส่งให้กราฟปรับลงไปทำกฎของเทรนด์ขาลงได้ (High ลด Low ลด)

ตัวอย่าง DIVERGENCE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทำ High หรือจุดสูงสุดที่สูงขึ้นแต่ RSI กลับทำ High หรือจุดสูงสุดที่ต่ำลงจึงถือว่าได้เกิดสัญญาณ Classic Divergence แบบพัก/กลับตัวลง ขึ้นมา (ซึ่งขณะที่เกิดนั้นกราฟมีเทรนด์ปัจจุบันเป็นขาขึ้น) และต่อมาเราจะทราบภายหลังว่าเป็น Classic Divergence แบบพักตัวลงเนื่องจาก Classic Divergence ชุดนั้นแค่ส่งให้กราฟปรับลงไปใกล้เคียงบริเวณแนวรับจาก Demand Zone H1 ก่อนจะถูกแรงซื้อผลักกลับขึ้นไปทำ High ใหม่ตามกฎของเทรนด์ขาขึ้นซึ่งเป็นเทรนด์หลัก

ตัวอย่าง DIVERGENCE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทำ Low หรือจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นแต่ RSI กลับทำ Low หรือจุดต่ำสุดที่ต่ำลงจึงถือว่าได้เกิดสัญญาณ Hidden Divergence แบบพัก/กลับตัวขึ้น ขึ้นมา (ซึ่งขณะที่เกิดนั้นกราฟมีเทรนด์ปัจจุบันเป็นขาลง) และต่อมาจะทราบภายหลังว่าเป็น Hidden Divergence แบบกลับตัวขึ้นเนื่องจาก Hidden Divergence ชุดนั้นสามารถส่งให้กราฟปรับตัวขึ้นไปทำกฎของเทรนด์ขาขึ้นได้ (High ยก Low ยก)

ตัวอย่าง DIVERGENCE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทำ Low หรือจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นแต่ RSI กลับทำ Low หรือจุดต่ำสุดที่ต่ำลงจึงถือว่าได้เกิดสัญญาณ Hidden Divergence แบบพัก/กลับตัวขึ้น ขึ้นมา (ซึ่งขณะที่เกิดนั้นกราฟมีเทรนด์ปัจจุบันเป็นขาลง) และต่อมาเราจะทราบภายหลังว่าเป็น Hidden Divergence แบบพักตัวขึ้นเนื่องจาก Hidden Divergence ชุดนั้นแค่ส่งให้กราฟปรับขึ้นไปบริเวณแนวต้านจาก Supply Zone H1 ก่อนจะถูกแรงขายผลักกลับลงมาทำ Low ใหม่ตามกฎของเทรนด์ขาลงซึ่งเป็นเทรนด์หลัก

ตัวอย่าง DIVERGENCE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทำ High หรือจุดสูงสุดที่ต่ำลงแต่ RSI กลับทำ High หรือจุดสูงสุดที่สูงขึ้นจึงถือว่าได้เกิดสัญญาณ Hidden Divergence แบบพัก/กลับตัวลง ขึ้นมา (ซึ่งขณะที่เกิดนั้นกราฟมีเทรนด์ปัจจุบันเป็นขาขึ้น) และต่อมาจะทราบภายหลังว่าเป็น Hidden Divergence แบบกลับตัวลงเนื่องจาก Hidden Divergence ชุดนั้นสามารถส่งให้กราฟปรับลงไปทำกฎของเทรนด์ขาลงได้ (High ลด Low ลด)

ตัวอย่าง DIVERGENCE บนกราฟจริง

จากภาพกราฟทำ High หรือจุดสูงสุดที่ต่ำลงแต่ RSI กลับทำ High หรือจุดสูงสุดที่สูงขึ้นจึงถือว่าได้เกิดสัญญาณ Hidden Divergence แบบพัก/กลับตัวลง ขึ้นมา (ซึ่งขณะที่เกิดนั้นกราฟมีเทรนด์ปัจจุบันเป็นขาขึ้น) และต่อมาเราจะทราบภายหลังว่าเป็น Hidden Divergence แบบพักตัวลงเนื่องจาก Hidden Divergence ชุดนั้นแค่ส่งให้กราฟปรับลงไปใกล้เคียงบริเวณแนวรับจาก Demand Zone H1 ก่อนจะถูกแรงซื้อผลักกลับขึ้นไปทำ High ใหม่ตามกฎของเทรนด์ขาขึ้นซึ่งเป็นเทรนด์หลัก


  • เมื่อเกิด Divergence ประเภทใดก็ตาม เบื้องต้นให้มองแค่ว่ากราฟมีโอกาสพักตัวไปยังแนวรับ/แนวต้านที่ใกล้ที่สุดซึ่งอาจจะเป็นแนวรับ/แนวต้านจากเส้นเทรนด์ไลน์หรือ Demand & Supply Zone หรือ FVG ก็ได้ทั้งหมด
  • ห้ามฟันธงว่ากราฟจะกลับตัวจากสัญญาณ Divergence เพราะเราจะเห็นการกลับตัวก็ต่อเมื่อในไทม์เฟรมนั้นๆมีการพังกฎเทรนด์เดิมและเข้ากฎของเทรนด์ใหม่
  • ห้ามใช้ Divergence วิเคราะห์กราฟโดยตรงเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องวิเคราะห์ร่วมกับองค์ประกอบอื่นๆ (สำคัญที่สุดคือเทรนด์)

หลังจากอ่านเรื่องนี้จบหลายท่านอาจคิดว่าการดูสัญญาณ Divergence เป็นเรื่องยากเพราะมีหลายประเภทเหลือเกิน ต้องใช้เวลาฝึกดูนานแน่ๆผมอยากจะบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลยครับเพราะมีอินดิเคเตอร์ใน Tradingview ที่ใช้ดูสัญญาณ Divergence จาก RSI ได้ดีมากๆ และที่สำคัญเป็นอินดิเคเตอร์ฟรีอีกต่างหาก

Divergence อัตโนมัติใน Tradingview

สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ Tradingview โดยตรงแล้วล็อกอินเข้าหน้ากราฟให้เรียบร้อย และค้นหาคำว่า “Divergence for Many Indicators v4” ตามภาพด้านบนได้เลยครับ


Divergence คือสัญญาณทางเทคนิคที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างทิศทางราคากับอินดิเคเตอร์ เช่น RSI ซึ่งสามารถช่วยบอกใบ้ว่า “กราฟอาจพักตัวหรือกลับตัว” ได้ในจังหวะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ต้องเน้นว่า Divergence ไม่ได้การันตีการกลับตัวเสมอไป บางครั้งอาจแค่พักตัวก่อนเดินหน้าต่อในเทรนด์เดิม

✅ เคล็ดลับการใช้งาน Divergence อย่างปลอดภัย:

  • ใช้ยืนยันร่วมกับแนวรับ-แนวต้าน / Trendline / Demand-Supply Zone
  • ประเมินจากหลาย Timeframe เพื่อวิเคราะห์ภาพใหญ่
  • ห้ามใช้ Divergence เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเทรด

🎥 ยังไม่แน่ใจว่า Divergence ใช้ได้จริงหรือเปล่า?
ลองไปดูคลิปนี้เลยครับ 👉 Divergence ใช้ได้จริง? หรือคิดไปเอง?
อธิบายแบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างกราฟจริงให้เห็นภาพชัด ว่าเราควรเชื่อสัญญาณนี้แค่ไหน และต้องระวังอะไรบ้างก่อนเทรดตาม Divergence 📌 เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และเทรดเดอร์ที่ใช้อินดิเคเตอร์บ่อย ๆ ดูจบแล้ววิเคราะห์ Divergence ได้แม่นขึ้นแน่นอนครับ!

👉 คลิกดูคลิปที่นี่

อยากลืมเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ ดู รีวิวโบรกเกอร์ Forex ก่อนตัดสินใจได้เลยคร๊าบบบบ

📚 บทความต่อไปห้ามพลาด!
Fibo คืออะไร? แจกเทคนิคลับ “เข้าปลายไส้” แบบแม่น ๆ
ใช้ Fibonacci ช่วยคาดการณ์อนาคตของกราฟ พร้อมตัวอย่างใช้งานจริง เข้าใจง่าย ใช้ได้ทันที!

👉 อ่านต่อ: Fibo คืออะไร แจกเทคนิคลับเข้าปลายไส้ คาดการณ์ในอนาคต

แนะนำโบรกเกอร์
Founded Year 2008, leverage 1:2000, Platforms MT4/MT5, Website 14 languages
XM
Founded Year 2009, leverage 1:1000, Platforms MT4/MT5, Website 28 languages