Fibo คืออะไร แจกเทคนิคลับเข้าปลายไส้ คาดการณ์ในอนาคต

FIBO คืออะไร : Fibonacci Retracement หรือที่นักเทรดเรียกสั้น ๆ ว่า FIBO คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการหาแนวรับ–แนวต้านล่วงหน้า โดยอาศัยอัตราส่วนจาก “ลำดับฟีโบนักชี” ที่มีพื้นฐานมาจากคณิตศาสตร์ยุคกลาง ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับพฤติกรรมของกราฟราคาในตลาด Forex ได้อย่างแม่นยำ ในบทความนี้ผมจะพาไปรู้จักที่มาของ FIBO พร้อมวิธีการตี FIBO ที่ถูกต้อง และเทคนิคการใช้มันเพื่อหาจุดเข้า–ออกออเดอร์อย่างมีประสิทธิภาพครับ

---

FIBO คืออะไร

Fibonacci Retracements (FIBO) คือเครื่องมือวัดอัตราส่วนของกราฟเพื่อคาดการณ์แนวรับ/แนวต้านในอนาคต การตี FIBO นั้นมีวิธีการตีหลายรูปแบบแต่ในรูปแบบที่ผมใช้จะเป็นการนำ FIBO มาตีเพื่อหาแนวรับ/แนวต้านที่จะใช้เป็นจุดปิดกำไรหรือจุดเข้าออร์เดอร์

---

ที่มาของ FIBO

เป็นลำดับตัวเลขที่ได้จากการบวกเลข 2 ตัวก่อนหน้าเข้าด้วยกัน ดังนี้: 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, …

เช่น
1+1 = 2
1+2 = 3
2+3 = 5
3+5 = 8
…และต่อไปเรื่อย ๆ

จากลำดับนี้ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคได้นำ อัตราส่วนระหว่างตัวเลขในลำดับ มาใช้สร้าง “Fibonacci Ratios” เช่น

• 23.6%
• 38.2%
• 50% (ไม่ใช่จากลำดับโดยตรงแต่ใช้บ่อย)
• 61.8% (เรียกว่า “Golden Ratio”)
• 78.6%

ซึ่งเชื่อว่าเป็นระดับแนวรับ–แนวต้านที่ราคามักจะ “พัก” หรือ “เด้งกลับ” เมื่อเกิดการย่อตัวหรือดีดตัว

---

การตี FIBO เพื่อหาแนวต้าน

การตี FIBO เพื่อหาแนวต้าน (หาเป้าของเทรนด์ขาขึ้น) เมื่อพบการเบรก HIGH เราจะเรียกชุดสวิงลงก่อนหน้า (บริเวณ AB) ว่า “หัวขาขึ้น” ให้ทำการตี FIBO ไปที่หัวขาขึ้นโดยตีจากบนลงล่าง (เริ่มลาก FIBO จากไส้เทียนบนสุดที่จุด A ลงมายังไส้เทียนล่างสุดที่จุด B)

จะทำให้ได้แนวต้านจาก FIBO ที่มีนัยสำคัญคือ 1.618, 2.618, 3.618, 4.236 ซึ่งสามารถใช้แนวต้านเหล่านี้เป็นแนวปิดกำไรฝั่ง BUY หรือใช้เป็นแนวเข้าคำสั่ง SELL ก็ได้เช่นกัน

---

การตี FIBO เพื่อหาแนวรับ

การตี FIBO เพื่อหาแนวรับ (หาเป้าของเทรนด์ขาลง) เมื่อพบการเบรก LOW เราจะเรียกชุดสวิงขึ้นก่อนหน้า (บริเวณ AB) ว่า “หัวขาลง” ให้ทำการตี FIBO ไปที่หัวขาลงโดยตีจากล่างขึ้นบน (เริ่มลาก FIBO จากไส้เทียนล่างสุดที่จุด A ขึ้นไปยังไส้เทียนบนสุดที่จุด B)

จะทำให้ได้แนวรับจาก FIBO ที่มีนัยสำคัญคือ 1.618, 2.618, 3.618, 4.236 ซึ่งสามารถใช้แนวรับเหล่านี้เป็นแนวปิดกำไรฝั่ง SELL หรือใช้เป็นแนวเข้าคำสั่ง BUY ก็ได้เช่นกัน

---

ตัวอย่างการตี FIBO ทั้งสองประเภทในกราฟจริง

จากภาพด้านบนกราฟไทม์เฟรม M5 พบว่ามีการเบรก High เมื่อพบการเบรก High เราจะเรียกชุดสวิงลงก่อนหน้า (บริเวณ AB) ว่า “หัวขาขึ้น” ให้ทำการตี FIBO ไปที่หัวขาขึ้นโดยตีจากบนลงล่าง (เริ่มลาก FIBO จากไส้เทียนบนสุดที่จุด A ลงไปยังไส้เทียนล่างสุดที่จุด B)

เมื่อตี FIBO เรียบร้อยแล้วจะได้แนวต้านจาก FIBO ทั้งหมด 4 แนวคือ 1.618 , 2.618 , 3.618 , 4.236 แนวต้านเหล่านี้ถือเป็นแนวต้านที่มีโอกาสพักหรือกลับตัวลง ดังนั้นหากกราฟเป็นเทรนด์ขาขึ้นจะสามารถใช้แนวต้านเหล่านี้เป็นจุด TP หรือจุดปิดกำไรฝั่ง BUY ได้ในกรณีที่ถือไม้ BUY มา

ในทางกลับกันเราก็สามารถใช้แนวต้านเหล่านี้เป็นแนวเข้าคำสั่ง SELL ได้เช่นกันดังตัวอย่างภาพด้านบน เพียงแต่ว่าจะเป็นการเข้าสวนเทรนด์ปัจจุบันซึ่งกำลังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นจึงจำเป็นต้องดูปัจจัยอื่นๆร่วมด้วยอย่างถี่ถ้วน เพราะไม่ใช่ทุกแนวที่จะสามารถเข้า SELL สวนได้

ตัวอย่างเช่น ถ้าแนวต้านจาก FIBO ในไทม์เฟรม M5 มีสัญญาณ Divergence ร่วมด้วยและไปตรงกับแนวต้าน Supply Zone หรือ FVG ในไทม์เฟรมที่ใหญ่กว่าอย่าง H1 พอดีแบบนี้จึงจะสามารถพิจารณาเปิดคำสั่ง SELL สวนเทรนด์ได้โดยตั้ง SL ไว้เหนือแนวต้านถัดไปที่ใกล้ที่สุด (หากเข้าด้วย FIBO ไม่จำเป็นต้องตั้ง SL ไกลเพราะมักจะได้ราคาปลายไส้)

จากภาพด้านบนกราฟไทม์เฟรม M5 พบว่ามีการเบรก Low เมื่อพบการเบรก Low เราจะเรียกชุดสวิงขึ้นก่อนหน้า (บริเวณ AB) ว่า “หัวขาลง” ให้ทำการตี FIBO ไปที่หัวขาลงโดยตีจากล่างขึ้นบน (เริ่มลาก FIBO จากไส้เทียนล่างสุดที่จุด A ขึ้นไปยังไส้เทียนบนสุดที่จุด B)

เมื่อตี FIBO เรียบร้อยแล้วจะได้แนวรับจาก FIBO ทั้งหมด 4 แนวคือ 1.618 , 2.618 , 3.618 , 4.236 แนวรับเหล่านี้ถือเป็นแนวรับที่มีโอกาสพักหรือกลับตัวขึ้น ดังนั้นหากกราฟเป็นเทรนด์ขาลงจะสามารถใช้แนวรับเหล่านี้เป็นจุด TP หรือจุดปิดกำไรฝั่ง SELL ได้ในกรณีที่ถือไม้ SELL มา

ในทางกลับกันเราก็สามารถใช้แนวรับเหล่านี้เป็นแนวเข้าคำสั่ง BUY ได้เช่นกันดังตัวอย่างด้านบนเพียงแต่ว่าจะเป็นการเข้าสวนเทรนด์ปัจจุบันซึ่งกำลังอยู่ในเทรนด์ขาลงจึงจำเป็นต้องดูปัจจัยอื่นๆร่วมด้วยอย่างถี่ถ้วน เพราะไม่ใช่ทุกแนวที่จะสามารถเข้า BUY สวนได้

ตัวอย่างเช่น ถ้าแนวรับจาก FIBO ในไทม์เฟรม M5 มีสัญญาณ Divergence M5 ร่วมด้วยและไปตรงกับแนวต้าน Demand Zone หรือ FVG ในไทม์เฟรมที่ใหญ่กว่าอย่าง H1 พอดีแบบนี้จึงจะสามารถพิจารณาเปิดคำสั่ง BUY สวนเทรนด์ได้โดยตั้ง SL ไว้ใต้แนวรับถัดไปที่ใกล้ที่สุด (หากเข้าด้วย FIBO ไม่จำเป็นต้องตั้ง SL ไกลเพราะมักจะได้ราคาปลายไส้)

---

ข้อควรระวังในการใช้ FIBO

FIBO สามารถใช้ได้ทุกไทม์เฟรมและเป็นเครื่องมือที่ดีมากในการหาแนวรับ/แนวต้านเพื่อเป็นเป้า TP แต่หากจะใช้ FIBO ในการหาจุดเข้าแล้วล่ะก็ผมแนะนำให้ใช้ในไทม์เฟรม M5 เพราะจะได้จุดเข้าที่คมและมีโอกาสได้ราคาปลายไส้มากที่สุด อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าทุกการเข้าด้วยแนวรับ/แนวต้านจาก FIBO นั่นคือการเข้าสวนเทรนด์เสมอ เพราะฉะนั้นแล้วก่อนใช้ FIBO จำเป็นต้องดูปัจจัยอื่นๆประกอบอย่างรอบคอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเทรนด์

---

สรุป FIBO คืออะไร

FIBO ไม่ใช่แค่เครื่องมือวัดระดับราคาที่ดูสวยงามบนกราฟเท่านั้น แต่คือเครื่องมือทางเทคนิคที่ทรงพลังมากหากใช้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะเมื่อใช้ควบคู่กับองค์ประกอบอื่น เช่น เทรนด์หลัก, Divergence หรือโซน Supply/Demand ในไทม์เฟรมที่ใหญ่กว่า อย่างไรก็ตาม ควรระวังว่า FIBO มักใช้เพื่อ “เข้าสวนเทรนด์” ซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าการเทรดตามแนวโน้มปัจจุบัน ดังนั้นจึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเข้าออเดอร์ทุกครั้งครับ

📹 อยากรู้ไหมว่าโปรเทรดเดอร์เข้าจุด “ปลายไส้” ยังไง?
เทคนิคตี FIBO แบบแม่น ๆ เพื่อหาจุดเข้าทำกำไรที่คมที่สุดอยู่ในคลิปนี้แล้ว!
👉 ดูฟรีตอนนี้: เข้าปลายไส้ด้วย FIBO | เรียนเทรดฟรี EP8

👉 คลิกดูคลิปที่นี่

อยากลืมเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ ดู รีวิวโบรกเกอร์ Forex ก่อนตัดสินใจได้เลยคร๊าบบบบ

📘 บทความถัดไปแนะนำ
MM คืออะไร? การบริหารความเสี่ยงที่เทรดเดอร์มืออาชีพต้องรู้
การใช้ FIBO อย่างแม่นยำเป็นแค่จิ๊กซอว์หนึ่งของความสำเร็จในการเทรด หากคุณยังไม่มีระบบ Money Management (MM) ที่ดี การเทรดของคุณก็เสี่ยงพังได้ง่าย ๆ มาเรียนรู้หลักการบริหารความเสี่ยงแบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างการคำนวณ MM ที่ใช้ได้จริงในตลาด Forex
👉 อ่านบทความ: MM คืออะไร การบริหารความเสี่ยงที่เทรดเดอร์มืออาชีพต้องรู้