MM คืออะไร? รู้จักหลักการ Money Management ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด คำนวณ Lot Size อย่างถูกต้อง อยู่รอดในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน
MM คืออะไร? รู้จักหลักการ Money Management ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด คำนวณ Lot Size อย่างถูกต้อง อยู่รอดในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน
การเทรดในตลาด Forex, ทองคำ หรือคริปโต ไม่ใช่แค่เรื่องของการวิเคราะห์กราฟให้แม่นหรือใช้กลยุทธ์ขั้นเทพเท่านั้น แต่สิ่งที่เทรดเดอร์หลายคนมองข้ามกลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือ “การบริหารเงินทุนและความเสี่ยง” หรือที่เรียกว่า Money Management (MM) หากคุณยังไม่มีระบบ MM ที่ชัดเจน การล้างพอร์ตอาจเกิดขึ้นได้แม้กลยุทธ์จะดีแค่ไหนก็ตาม บทความนี้จะพาคุณเข้าใจ MM ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงวิธีคำนวณ Lot Size อย่างถูกต้องเพื่อให้เทรดได้อย่างมั่นคงในระยะยาวครับ
ในการเทรดไม่ว่าจะเป็น Forex, ทองคำ หรือคริปโต การวิเคราะห์กราฟหรือการใช้กลยุทธ์ที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากไม่มีการบริหารจัดการเงินทุนและความเสี่ยงอย่างเหมาะสมอาจทำให้สูญเสียเงินทั้งพอร์ตได้ภายในเวลาไม่นาน
การบริหารความเสี่ยง (Money Management) ก็คือการบริหารเงินทุนที่ใช้ในการเทรด เพื่อให้การขาดทุนไม่กระทบต่อภาพรวมของพอร์ต โดยการจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เช่น ไม่เกิน 1-5% ของพอร์ตทั้งหมด การทำเช่นนี้จะช่วยให้สามารถอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว
ซึ่งการทำความเข้าใจในเรื่อง PIP/POINT และเข้าใจการคำนวณขนาด Lot ที่เหมาะสมจะช่วยให้การบริหารความเสี่ยง (Money Management) นั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการล้างพอร์ตและเพิ่มโอกาสทำกำไรอย่างยั่งยืน
Pip (Price Interest Point) คือหน่วยมาตรฐานในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาคู่เงิน โดยปกติ 1 pip = 0.0001 (สำหรับคู่เงินที่มี 4 ทศนิยมตำแหน่ง เช่น EUR/USD , GBP/USD) แต่สำหรับทองคำหรือคู่เงินที่มี JPY ซึ่งใช้ 2 ทศนิยมตำแหน่ง 1 pip = 0.01
Point (บางโบรกเรียกว่า “pipette”) คือหน่วยย่อยของ pip ซึ่ง 1 pip = 10 points
การคำนวณกำไรหรือขาดทุนในตลาด Forex เป็นกระบวนการสำคัญที่เทรดเดอร์ต้องเข้าใจเพื่อจัดการความเสี่ยงและประเมินผลการเทรด การคำนวณกำไรขาดทุนนั้นขึ้นอยู่กับ Pip Value, Lot Size และจำนวน Pip ที่ราคาเคลื่อนที่ โดยมีสูตรคือ
กำไร/ขาดทุน = Pip Value × Lot Size × จำนวน Pip
ซึ่ง Pip Value ก็คือ มูลค่าต่อ PIP ซึ่งแต่ละคู่เงินอาจมีมูลค่าต่อ PIP ที่ต่างกัน เช่น
จากสูตร กำไร/ขาดทุน = Pip Value × Lot Size × จำนวน Pip
= Pip Value (10) × Lot Size (1) × จำนวน Pip (50)
= ได้กำไร 500$
= Pip Value (1) × Lot Size (0.1) × จำนวน Pip (500)
= ได้กำไร 50$
การบริหารความเสี่ยงที่ตัวผมใช้เป็นประจำและนำมาเขียนในบทความนี้ก็คือ “การบริหารความเสี่ยงด้วย Position Size” ซึ่งเป็นการกำหนดขนาดของล็อตที่เทรดในแต่ละครั้งให้เหมาะสมกับขนาดเงินทุนและระดับความเสี่ยงที่ผู้เทรดยอมรับได้ เพื่อควบคุมความสูญเสียให้อยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย ช่วยให้สามารถจัดการเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเทรดอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยมีสูตรการคำนวณดังนี้
ขนาด LOT SIZE = เงินที่ยอมเสียได้ / ระยะ SL (pip) × pip value
= เงินที่ยอมเสียได้ (20) / ระยะ SL (500) × Pip value (1)
ดังนั้น สามารถเข้าได้ = 0.04 Lot ซึ่งถ้าแพ้ก็จะเสียแค่ 20$ นั่นเองครับ
= เงินที่ยอมเสียได้ (10) / ระยะ SL (20) × pip value (10)
ดังนั้น สามารถเข้าได้ 10 / 200 = 0.05 Lot ซึ่งถ้าแพ้ก็จะเสียแค่ 10$ นั่นเองครับ
สำหรับใครที่ไม่อยากเสียเวลาคำนวณเองสามารถใช้ APP Forex Calculator เป็นเครื่องมือช่วยคำนวณขนาด Lot Size ที่เหมาะสมสำหรับเข้าเทรดได้ (แอปนี้มีทั้งระบบ IOS และ ANDROID) เมื่อเข้าไปในแอปให้เลือกเมนู Position Size จะพบช่องให้กรอกรายละเอียดต่างๆตามภาพด้านบน ดังนี้
เมื่อกรอกเรียบร้อยให้กดปุ่ม Calculate แอปจะทำการคำนวณให้อัตโนมัติว่าสามารถเข้าด้วย Position Size เท่าไหร่
การบริหารความเสี่ยง (Money Management) คือหัวใจของการอยู่รอดในตลาด ไม่ว่าคุณจะเทรดเก่งแค่ไหน หากไม่มีการจำกัดความเสี่ยงในแต่ละไม้ ก็มีโอกาสเสียหายหนักได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่าง Forex หรือทองคำ การรู้จักคำนวณ Lot Size ที่เหมาะสมกับทุนและ SL รวมถึงการเข้าใจ Pip/Point อย่างชัดเจน จะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมีวินัย ปลอดภัย และสามารถเติบโตในเส้นทางเทรดเดอร์ได้อย่างยั่งยืนครับ
📹 อยากเทรดให้รอดในระยะยาว ต้องเข้าใจ Money Management! MM คืออะไร
เทคนิคบริหารความเสี่ยงที่มืออาชีพใช้จริง คำนวณ Lot ยังไงให้ไม่ล้างพอร์ต
👉 ดูเลยตอนนี้: สอน Money Management การบริหารความเสี่ยง | เรียนเทรดฟรี EP9
อยากลืมเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ ดู รีวิวโบรกเกอร์ Forex ก่อนตัดสินใจได้เลยคร๊าบบบบ
📘 บทความถัดไปแนะนำ
วิธีการ Backtest กลยุทธ์เทรดแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว!
ก่อนจะนำกลยุทธ์ไปใช้จริง เทรดเดอร์ควร “Backtest” บนข้อมูลในอดีตเพื่อดูว่าวิธีที่ใช้มีประสิทธิภาพแค่ไหน บทความนี้จะสอนวิธี Backtest ฟรี! เพื่อทดสอบกลยุทธ์ พร้อมแนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้การ Backtest มีประสิทธิภาพ
👉 อ่านเลย: Backtest คืออะไร สอนวิธีการทดสอบกลยุทธ์ ก่อนจะนำไปใช้จริง