Table of Contents
ภาวะ Recession คืออะไร? ส่งผลต่อตลาดเงิน และ ตลาดทุนอย่างไร? นักลงทุน และ เทรดเดอร์ควรเตรียมรับมืออย่างไร? ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และ จะยังคงอยู่ไปนานเท่าไหร่? บทความนี้จะนำคุณไปค้นหาคำตอบทั้งหมด
![](https://1trader.com/wp-content/uploads/2024/04/9eb417d1730c848984383e2885216e4a.jpg)
Recession คืออะไร?
Recession หรือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ การหดตัวของวัฏจักรธุรกิจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงอย่างเห็นได้ชัด ภาวะดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศ และกลุ่มประเทศ ผลผลิตทางเศรษฐกิจ ความต้องการของผู้บริโภค และการจ้างงาน
การเกิด Recession สามารถสังเกตได้จากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ 5 ประการ คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP), รายได้, การจ้างงาน, การผลิต และยอดค้าปลีก โดยการตกต่ำนี้ค่อนข้างยืดเยื้อ หน่วยงานด้านสถิติให้ข้อมูลว่า ในช่วงดังกล่าว GDP มักจะลดลงติดต่อกันถึง 2 ไตรมาส แต่หากนานกว่า 4 ไตรมาส อาจหมายถึงการที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำ
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นหนึ่งในวัฏจักรเศรษฐกิจที่ทั่วโลกต้องเผชิญ นั่นหมายความว่า เราไม่อาจหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าว แต่สามารถทำให้มันชะลอความรุนแรงได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว ภาวะถดถอยนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเฉลี่ยทุก ๆ 7-9 ปี อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังมานี้ ภาวะถดถอยเกิดขึ้นน้อยลง และกินระยะเวลาไม่นานนัก
สาเหตุที่ทำให้เกิด Recession
Recession มีสาเหตุมาจากการหดตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์จำนวนมากต่างพยายามไขปัญหาว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย กระนั้น ทฤษฎีต่าง ๆ เหล่านี้ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้ แต่สามารถจัดประเภทได้อย่างกว้าง ๆ ดังนี้
![covid.png](https://1trader.com/wp-content/uploads/2024/04/image-1.webp)
1) การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่องทำให้ต้นทุนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นจนนำไปสู่ภาวะถดถอย หรือ ภาวะช็อกทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์ที่ไม่คาดฝันอันส่งผลให้เกิดความทุกข์ทางการเงินอย่างร้ายแรง ตัวอย่างเช่น การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้ผู้บริโภค นักลงทุน หรือ แม้แต่นักธุรกิจเตรียมรับมือไม่ทันจนต้องเกิดการกู้หนี้ยืมสิน เพราะรายได้ลดลงขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่ปัญหาทางการเงิน และส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมในที่สุด
![inflation.png](https://1trader.com/wp-content/uploads/2024/04/image-1200x800-1-1024x683.avif)
2) วิกฤติการเงิน
การเกิด Recession ในอดีต สาเหตุร่วมส่วนมาก คือ การเติบโตของสินเชื่อ และการสะสมของความเสี่ยงทางการเงินในช่วงที่เศรษฐกิจดี จากนั้นค่อย ๆ หดตัวลงเมื่อเศรษฐกิจถดถอย การเก็งกำไรสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่สูงเกินมูลค่าจริงทำให้เกิดการเทขายในช่วงเศรษฐกิจถดถอยจนเกิดภาวะฟองสบู่ และการเกิดเงินเฟ้อ หรือ เงินฝืดที่มากจนเกินไป เป็นต้น
ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ภาวะการเงินของประเทศมักจะอยู่ในความระส่ำระส่าย เมื่อประกอบกับวิกฤติการเงินที่พวกเขาต้องเผชิญ ทำให้หลายคนตื่นตระหนกในอุตสาหกรรมธนาคาร พวกเขาเชื่อว่าธนาคารอาจล้มจนเกิดการแห่ถอนเงิน (Bank Run) ทำให้ระบบการเงินภายในประเทศเสียสมดุล
การคาดการณ์ Recession
การคาดการณ์ Recesion ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ เพราะทิศทางของเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ดี สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ (National Bureau of Economic Research: NBER) ได้ทำการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากสัญญาณ ดังต่อไปนี้
1. เส้นอัตราผลตอบแทนกลับด้าน
เส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) ที่แสดงอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยปกติ Yield Curve ของพันธบัตรระยะยาวมักจะมีการปรับตัวสูงขึ้น แต่หาก Yield Curve ระยะยาวต่ำกว่า Yield Curve ระยะสั้น นั่นหมายความว่า เกิดการผกผัน (Inverted Yield Curve) ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่ง เพราะนักลงทุนกำลังแสดงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
![Inverted Yield Curve.jpg](https://1trader.com/wp-content/uploads/2024/04/image-4.jpeg)
2. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง
หากการสำรวจพบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าผู้บริโภคกำลังวิตกกังวล และไม่มั่นใจในเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น ๆ จนไม่กล้าที่จะใช้จ่าย ดังนั้น เมื่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจลดลง เศรษฐกิจจึงเข้าสู่ภาวะชะลอตัว
3. การลดลงของ Leading Economic Index (LEI)
Leading Economic Index เป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ถูกจัดทำโดย The Conference Board เพื่อคาดการณ์กิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งหากดัชนีดังกล่าวมีการปรับตัวลดลงก็อาจเป็นสัญญาณว่า เศรษฐกิจกำลังมีปัจจัยลบ
4. อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น
อัตราการว่างงาน ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่มักจะได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ดังนั้น หากอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ย่อมหมายความว่า เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยต่อไป
5. การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นอย่างกะทันหัน
การปรับตัวของตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันย่อมเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่ง เพราะนั่นหมายความว่า นักลงทุนกำลังเทขายหุ้นเป็นจำนวนมากจากความวิตกกังวลทางเศรษฐกิจจนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น
สัญญาณข้างต้นนี้เป็นเพียงสิ่งที่ใช้คาดการณ์ในเบื้องต้นของ NBER เท่านั้น ไม่อาจคาดการณ์เศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำเสมอไป เนื่องจากเศรษฐกิจแต่ละช่วงย่อมมีปัจจัยกดดัน และสนับสนุนแตกต่างกัน ดังนั้น ตัวชี้วัดเหล่านี้ก็อาจใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน
![financial-crisis-because-coronavirus.jpg](https://1trader.com/wp-content/uploads/2024/04/image-3.jpeg)
ผลกระทบจาก Recesion ต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ
เมื่อเกิด Recession จะส่งผลต่อหลายภาคส่วน ซึ่งหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ คือ ตลาดเงิน และตลาดทุน โดยสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบมีดังนี้
Forex
สำหรับตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงินที่เทรดเดอร์สามารถทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของคู่เงินหนึ่ง ๆ ได้ เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยกับประเทศใดประเทศหนึ่ง ประเทศคู่ตรงข้ามย่อมไม่ได้รับผลกระทบ หรือ ได้รับไม่มากนัก ดังนั้น เทรดเดอร์จึงสามารถเปิดสถานะเพื่อทำการซื้อ และ ขายสกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศที่เศรษฐกิจกำลังประสบกับภาวะถดถอยอย่างหนัก
หุ้น
ตลาดหุ้น ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน ทั้งจากกลุ่มผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้บริโภค ซึ่งหากเกิดเศรษฐกิจถดถอย นักลงทุนส่วนมากก็จะเทขายหุ้นไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม หุ้นก็มีทั้งที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ และ หุ้นตั้งรับที่สามารถอยู่รอดได้แม้จะเกิดวิกฤติ
ทองคำ
ทองคำ ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนส่วนมากแนะนำ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ช่วยกักเก็บมูลค่า ดังนั้น ในช่วงที่เกิดเศรษฐกิจถดถอย ทองคำจึงกลายเป็นทางเลือกที่นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการลงทุน
สินค้าโภคภัณฑ์
สินค้าโภคภัณฑ์เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการแปรรูปต่าง ๆ ดังนั้น หากเศรษฐกิจไม่ดี การบริโภคก็จะลดลง ซึ่งส่งผลต่อการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะผลผลิตทางเกษตร และอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์ทุกประเภทที่จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากสินค้าบางประเภทก็ยังคงได้รับความต้องการอยู่แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติ ซึ่งส่วนมากจะเป็นสินค้าที่เป็นโลหะมีค่า
พันธบัตร
พันธบัตรรัฐบาล เป็นอีกสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยม เพราะได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน และมีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้น ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ราคาพันธบัตรรัฐบาลจึงเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนต้องพิจารณาถึงอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร และความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ยด้วย
![forex trading in recession.png](https://1trader.com/wp-content/uploads/2024/04/image-2.webp)
การเทรด Forex ในช่วง Recesion
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การเทรด Forex เป็นการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของค่าเงิน ซึ่งสามารถเปิดสถานะการซื้อขายได้ทั้งตลาดขาขึ้น และขาลง ดังนั้น ในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เทรดเดอร์จึงสามารถเทรด Forex ได้ตามปกติ เพราะความผันผวนของค่าเงินย่อมสร้างกำไรให้แก่เทรดเดอร์
อย่างไรก็ตาม หากต้องการทำกำไรในช่วงตลาดผันผวน เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีทั้งความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหากคุณไม่พร้อมด้วยปัจจัยเหล่านี้ การเลือกคู่เงินที่มีความผันผวนไม่มากนัก หรือ การถอนตัวออกจากตลาดชั่วคราวอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะแม้แต่เทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น การยอมรับความเสี่ยง และสถานการณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องระลึกถึงอยู่เสมอ
สำหรับสกุลเงินที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และ สกุลเงินที่สามารถทำผลงานได้ดี แม้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย มีดังนี้
สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบในช่วง Recesion
การซื้อขาย Exotic Currency Pairs และ Cross Currency Pairs มักถูกพิจารณาว่าเป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในช่วงเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากสกุลเงินเหล่านี้มีบทบาทน้อยมากในระบบการเงินโลก และ มักมีแนวโน้มที่จะเกิดความผันผวนของราคาอย่างรุนแรงในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจถดถอย
สกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีในช่วง Recesion
สกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง หรือ คู่สกุลเงินหลัก มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอย เพราะค่าเงินของประเทศเหล่านั้นมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับที่สูง และ หากพิจารณาร่วมกับความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และ การเงินก็จะทำให้ค่าเงินของประเทศเหล่านั้นมีโอกาสที่จะได้รับความนิยมสูงขึ้น
สรุป
โดยสรุป Recesion คือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนทั้งภายในประเทศ และ กลุ่มประเทศ ดังนั้น ในช่วงสภาวะดังกล่าว นักลงทุนจำนวนมากจึงพยายามหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex ในช่วงดังกล่าวก็ยังสามารถทำได้ เพียงแต่ต้องมีการติดตามข่าวสารต่าง ๆ เพื่อหาสัญญาณการซื้อขาย การเปิดสถานะการซื้อขายแบบแบ่งออเดอร์ หรือ แบ่งไม้ การตั้งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า และ การกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ตลอดจนวางแผนการเทรด การจัดการความเสี่ยง และ การบริหารจัดการเงินให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา : http://www.forexlearning.co/blogs
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
RSI คืออะไร? พร้อมวิธีวิเคราะห์ และ หาแนวโน้มราคาหุ้น ตัวชี้วัดที่นักลงทุนควรรู้จัก